สมัยก่อนมีพระรูปหนึ่งชื่อเอไซ (えいさい: Eisai) ซึ่งเป็นคนนำชาเข้ามาจากประเทศจีน สมัยนั้นจะมีแต่พระเท่านั้นที่นิยมดื่มกันจนพระเอไซนำไปมอบให้โชกุนได้ลองชิม จึงทำให้ชามีชื่อเสียงโด่งดังและแพร่หลายไปถึงในวัง จนมีการนำไปปลูกนอกเมืองเกียวโต (ขณะนั้นเมืองหลวงคือเกียวโต)
สำหรับชนชั้นสูงสมัยนั้นจะนิยมดื่มชากันในงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยมีการดื่มชาก่อนอาหารหลัก และเมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีการเล่นเกมทายชา (ให้ชิมน้ำชาและทายว่าเป็นชาอะไร) จนได้มีการพัฒนาไปเป็นพิธีชงชาสำหรับคนรักการดื่มชา ซึ่งพิธีชงชาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ วาบิชะ (wabicha : わび茶) เป็นพิธีชงชาแบบเรียบง่ายทั้งพิธีและสถานที่ ก่อตั้งโดยพระจากนิกายเซนชื่อว่าทาเกะโนโจโอ (Takeno Jouou : 武野 紹鴎) ต่อมาได้ถูกพระเซนโนะริคิว (Senno Rikyu : 千利休) พัฒนาจนเป็นพิธีแบบในปัจจุบัน ทั้งวางรูปแบบและกำหนดวิธีการชงชาต่างๆยึดหลักที่ว่าต้องเรียบง่ายและจริงใจระหว่างทำพิธี
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAj_iVqHLZrbQ_Er4oml_HNY9TL4t9Z-NLaJUddR_Cn443dCoF_0yySg0PBU_zGPrzeFc3gmZyE5RnUbKvyghSjh7dH-lf4m6tuewpHfy8gBEsuanZV63jFGr64NBd6jKMUCEhprPZfEHG/s400/img_660984_9155764_0.jpg)
สำหรับชนชั้นสูงสมัยนั้นจะนิยมดื่มชากันในงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยมีการดื่มชาก่อนอาหารหลัก และเมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีการเล่นเกมทายชา (ให้ชิมน้ำชาและทายว่าเป็นชาอะไร) จนได้มีการพัฒนาไปเป็นพิธีชงชาสำหรับคนรักการดื่มชา ซึ่งพิธีชงชาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ วาบิชะ (wabicha : わび茶) เป็นพิธีชงชาแบบเรียบง่ายทั้งพิธีและสถานที่ ก่อตั้งโดยพระจากนิกายเซนชื่อว่าทาเกะโนโจโอ (Takeno Jouou : 武野 紹鴎) ต่อมาได้ถูกพระเซนโนะริคิว (Senno Rikyu : 千利休) พัฒนาจนเป็นพิธีแบบในปัจจุบัน ทั้งวางรูปแบบและกำหนดวิธีการชงชาต่างๆยึดหลักที่ว่าต้องเรียบง่ายและจริงใจระหว่างทำพิธี
โดยมีคอนเสบของการชงชาคือ 和・敬・清・寂 (わけいせいじゃく)
和(wa) มีความหมายว่า ความสงบ สันติ
敬(kei) มีความหมายว่า ความเคารพ
清(sei) มีความหมายว่า ความสะอาด บริสุทธิ์
寂(jakku) มีความหมายว่า ความเงียบสงบ
และมีแนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าบ้านและแขกผู้มาเยือนว่า 一期一会 (いちごいちえ:Ichigo ichie) ถือเสมือนว่าทั้งสองเจอกันแค่ครั้งเดียว ต้องให้เกียรติกันและทำให้ดีที่สุด
สำนักที่สืบทอดพิธีชงชาแบบวาบิชะนั้นชื่อว่าอุระเซงเคะ (Urasenke : 裏千家) ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น 茶の湯 (Chanoyu) และปัจจุบันคือ 茶道 (Chado)
ส่วนชาที่ชงในพิธีนั้นมีอยู่ 2 แบบ คือ
濃茶 (Koicha) ต้องชงในภาชนะใหญ่ดื่มกันได้หลายคน จึงต้องชงให้มีรสชาติเข้มข้น
薄茶 (Usucha) เป็นการชงในถ้วยเล็กๆเพื่อดื่มคนเดียว ใช้กันทั่วๆไปและสามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน เมื่อก่อนเสิร์ฟกับขนมแห้ง (Higashi) แต่ปัจจุบันเสิร์ฟกับขนมสด